All posts by: Web Admin

เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตของสิ่งต่างๆ (IoT) กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีอุปกรณ์ IoT สำหรับการบริหารจัดการอาคารสถานที่ (Facility Management) หลายชนิดที่ยังอยู่ในการคิดค้น แต่ก็มีอุปกรณ์ที่นำร่องใช้งานจริงแล้ว ช่วยให้ผู้จัดการอาคารทั่วโลกสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารได้ดียิ่งขึ้นและปรับกระบวนการทำงานประจำวันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ตัวอย่างของอุปกรณ์ FM ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานอย่างแพร่หลาย ได้แก่  1. เซ็นเซอร์ (Sensing devices)  เซ็นเซอร์เป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์ IoT ส่วนใหญ่ ช่วยให้ผู้จัดการได้รับข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แรงดันอากาศ, การเคลื่อนไหว, การใช้พื้นที่, จำนวนคน, อุณหภูมิ, ความชื้น หรือตัวแปรอื่นๆ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแสดงผลผ่านระบบซอฟต์แวร์สำหรับการบริหารจัดการอาคาร  เซ็นเซอร์ IoT ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการบริหารจัดการอาคารสถานที่: เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว, เซ็นเซอร์วัดแรงดันอากาศของระบบ HVAC, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น, เครื่องนับจำนวนคน, ระบบแจ้งซ่อมบำรุง, เซ็นเซอร์วัดความชื้นดิน, เครื่องวัดเสียงรบกวน, ที่จอดรถอัจฉริยะ   2. เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผล   ผู้ดูแลอาคารจำเป็นต้องใช้เครื่องมือแสดงผลเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่เซ็นเซอร์รวบรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบดังกล่าวจะประมวลผลข้อมูลและสร้างรายงานเชิงภาพโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ดูแลอาคารสามารถระบุรูปแบบการใช้ทรัพยากร...
Continue Reading →
เทคโนโลยี IoT ช่วยให้ผู้จัดการสามารถบูรณาการทุกส่วนของอาคาร ติดตามและตรวจสอบการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ  IoT เปิดโอกาสมากมายสำหรับการทำงานอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทั้งทีม  IoT และการบริหารจัดการอาคารสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงานได้ดังนี้  สภาพแวดล้อมที่ใช้เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์ IoT ช่วยให้ผู้ดูแลอาคารได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ ผ่านการรวบรวมข้อมูลด้านสภาพแวดล้อม การใช้พื้นที่ และข้อมูลอื่น ๆ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ IoT ยังส่งเสริมการทำงานของเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการรวบรวมและส่งมอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระบบบริหารจัดการอาคารที่ใช้ IoT สามารถแจ้งเตือนผู้ดูแลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจเป็นอันตรายได้ โดยอาศัยการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์  นอกจากนี้ ระบบที่เชื่อมต่อกันสามารถตอบสนองต่อสัญญาณเตือนภัยโดยอัตโนมัติ ช่วยแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมของมนุษย์  ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน สถานที่ประเภทโรงแรม โรงพยาบาล และสำนักงาน ใช้ระบบบริหารจัดการอาคารที่ใช้ IoT เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้ทรัพยากร ระบุรูปแบบการใช้งาน และปรับเปลี่ยนตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง เครื่องมือที่เชื่อมต่อกัน ช่วยในการระบุช่วงเวลาที่ความต้องการใช้ทรัพยากรลดลง ช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อน...
Continue Reading →
การบริหารจัดการอาคารสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม โรงพยาบาล หรือสถานที่ประเภทอื่น ล้วนมีภารกิจประจำวันมากมายที่ต้องดูแล ซึ่งรวมถึงการจัดการเอกสาร ประกันความพึงพอใจและความปลอดภัยของลูกค้า และการสร้างผลกำไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย  เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ผู้บริหารอาคารสถานที่หันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า เทคโนโลยี IoT เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างระบบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ช่วยติดตามทุกมิติของการบริหารจัดการอาคาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เอกสาร และบริการลูกค้า  บทความนี้จะกล่าวถึงประโยชน์ของการนำ IoT มาใช้ในการบริหารจัดการอาคารสถานที่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลการดำเนินงาน รวมถึงอุปสรรคในการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ และ การประยุกต์ใช้งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด  การบริหารจัดการอาคารสถานที่ด้วย IoT (IoT facility management)  ความหมายของการบริหารจัดการอาคารสถานที่ (Facilities Management – FM) ก่อนที่จะไปดูบทบาทของ IoT...
Continue Reading →
ผู้จัดการอาคารสถานที่จำเป็นต้องตระหนักถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะเผชิญในการทำงาน เพื่อให้สามารถปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด    ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในการบริหารจัดการอาคารสถานที่  ระบบการบริหารจัดการอาคารสถานที่ที่ล้าสมัย ไม่รองรับการให้ทีมสมาชิกหลายคนอัปเดทข้อมูลพร้อมกันและหารือตัดสินใจแบบเรียลไทม์  การขาดการทำงานร่วมมือภายในอาคารสถานที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดและการสูญเสียทรัพยากร  ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการอาคารสถานที่ที่ใช้ IoT ช่วยให้ผู้ดูแลระบบได้รับการแจ้งเตือนสถานะของพื้นที่ต่างๆ ในอาคารแบบเรียลไทม์ การประมวลผลแบบคลาวด์ช่วยให้สมาชิกในทีมสามารถแก้ไขสเปรดชีทและฐานข้อมูลพร้อมกันได้จากทุกอุปกรณ์และทุกสถานที่  ผู้จัดการต้องติดตามตรวจสอบอุปกรณ์ สังเกตสัญญาณความเสื่อมโทรม และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่  มิฉะนั้น ทีมงานทั้งหมดอาจประสบปัญหาการปิดระบบโดยไม่คาดคิด ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง และสูญเสียประสิทธิภาพในการผลิต  ผู้จัดการอาคารสถานที่สามารถใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์สำหรับการติดตามสภาพเครื่องมือแบบเรียลไทม์ การบำรุงรักษาอาคารสถานที่ด้วยเทคโนโลยี IoT และระบบติดตาม  โดยใช้ IoT ระบบดิจิทัลสำหรับการบริหารจัดการอาคารสถานที่สามารถติดตามสภาพของอุปกรณ์และแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบเมื่อมีสัญญาณเตือน  การพัฒนาระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพต้องใช้เวลาและความพยายาม  โดยทั่วไปทีมมักใช้เครื่องมือสื่อสารมากเกินไป เช่น อีเมล โปรแกรมแชท  การสนทนาทางเสียง  ฯลฯ  ส่งผลให้ประสบการณ์ในการทำงานไม่ต่อเนื่องและต้องติดต่อกันหลายจุด  การเลือกใช้ระบบบริหารจัดการอาคารสถานที่แบบครบวงจรที่เชื่อมต่อกัน เป็นวิธีที่ดีกว่าและง่ายกว่าในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ  การใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น...
Continue Reading →
ด้วยภารกิจประจำวันที่หลากหลายที่ผู้จัดการอาคารสถานที่ต้องดำเนินการหรือดูแล  ธุรกิจส่วนใหญ่จึงใช้เทคโนโลยีเพื่อมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าหรือแขก เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ  ซอฟต์แวร์ FM  (Facility Management)  จึงมีฟังค์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น  เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการอาคารสถานที่ของคุณทันสมัย  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบของคุณสอดคล้องกับแนวโน้มต่อไปนี้  1. การบูรณาการกับระบบของบุคคลภายนอก (Third-party integrations)  บริษัทต่างๆ กำลังมองหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการบูรณาการระบบบริหารจัดการอาคารสถานที่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง  โดยมองหาซอฟต์แวร์ที่ปรับเปลี่ยนได้  สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมดในสถานที่ทำงาน  การบูรณาการสร้างความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดทรัพยากร  เนื่องจากอนุญาตให้เพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ  โดยไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานและระบบข้อมูลที่มีอยู่  นอกจากนี้ แอปพลิเคชันที่รวมเข้าด้วยกันยังช่วยลดเวลาในการฝึกอบรมพนักงานและลดการเรียนรู้  2. เครื่องมือสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ (Big data จาก IoT)  การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล ช่วยให้ผู้บริหารอาคารสถานที่ตัดสินใจที่สำคัญ  บริษัทสามารถวางแผนระยะยาว  เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาระบบหยุดชะงัก  และลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ออกจากกระบวนการตัดสินใจด้วยการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์  ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี...
Continue Reading →
การพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การวางแผนพื้นฐานไปจนถึงการใช้งานจริง การที่ธุรกิจมีความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนของวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ จะช่วยให้วางแผนและจัดการโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนต่างๆ ในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ     1. การวางแผน (Planning)   การวางแผนเป็นพื้นฐานสำคัญ ในขั้นตอนนี้ บริษัทจะกำหนดวัตถุประสงค์ ความต้องการของซอฟต์แวร์ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจหรือปัญหาที่ซอฟต์แวร์จะช่วยแก้ไข สิ่งที่ธุรกิจควรพิจารณาในระหว่างขั้นตอนการวางแผน ได้แก่   ขอบเขตของโครงการ (Project Scope) : ฟีเจอร์ต่างๆที่จะมีในซอฟต์แวร์   กรอบเวลา (Timeline) : ระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนา   งบประมาณ (Budget) : ต้นทุนในการพัฒนา     2. การออกแบบ (Design)   ในขั้นตอนการออกแบบ จะสร้างภาพรวมที่ครอบคลุมสำหรับสถาปัตยกรรมของซอฟต์แวร์ ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) และฟังก์ชันการทำงาน ธุรกิจอาจพัฒนาต้นแบบของซอฟต์แวร์...
Continue Reading →
Cloud-Based Software Solutions กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มบริษัททุกขนาด  โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโปรแกรมซอฟต์แวร์และข้อมูลได้จากทุกที่ ทุกเวลา และบนอุปกรณ์ใดก็ได้ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต บทความนี้จะกล่าวถึงข้อดีหลักๆ ของCloud-Based Software Solutions สำหรับองค์กร  1. คุ้มค่า  ข้อได้เปรียบที่สำคัญประการหนึ่งของCloud-Based Software Solutions คือ ความคุ้มค่า  ด้วยการใช้Cloud-Based Software Solutions องค์กรสามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับโซลูชันซอฟต์แวร์แบบเดิม  เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์  ธุรกิจสามารถเลือกที่จะสมัครใช้ซอฟต์แวร์แบบรายเดือนหรือรายปี ซึ่งอาจจะประหยัดกว่าในระยะยาว  2. ความยืดหยุ่นปรับขนาดได้ (Scalability)  เนื่องจากความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างยอดเยี่ยมของCloud-Based Software Solutions องค์กรจึงสามารถเพิ่มหรือลดการใช้งานได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการ  ดังนั้น บริษัทต่างๆ สามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม  3. การเข้าถึง  ผู้ใช้สามารถเข้าถึงCloud-Based...
Continue Reading →
เทคโนโลยีและแนวโน้มใหม่ๆ ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจมีการพัฒนาและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง  เมื่อมองไปยังอนาคตของการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงแนวโน้มและการคาดการณ์ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรม บทความนี้จะกล่าวถึงแนวโน้มและการคาดการณ์ที่สำคัญสำหรับอนาคตของการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ  1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)  AIและML ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจอยู่แล้ว และแนวโน้มนี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต  กระบวนการต่างๆ สามารถทำการโดยอัตโนมัติ สามารถทำนายและแนะนำได้ รวมไปถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะทางด้วยซ้ำ โดยใช้AIและML เราคาดหวังที่จะได้เห็นการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีAIและMLที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้นในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร  2. แพลตฟอร์ม Low-Code และ No-Code  แพลตฟอร์ม Low-Code และ No-Code กำลังได้รับความนิยมในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ  เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคสามารถสร้างโซลูชันซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ดมากนัก  แพลตฟอร์มเหล่านี้ยกเลิกความจำเป็นในการใช้ทักษะการเขียนโปรแกรมแบบเดิม  โดยใช้ส่วนติดต่อผู้ใช้แบบวิชวลและเครื่องมือแบบลากและวาง เพื่อให้การสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับแต่งเองได้ง่าย  แพลตฟอร์มเหล่านี้จะกลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญยิ่งขึ้นสำหรับบริษัททุกขนาดเมื่อมีการพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้น  3. Internet of Things...
Continue Reading →
การบริหารโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  ปัจจัยต่างๆ มากมายส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์  เช่น เป้าหมายของโครงการ กรอบเวลา การจัดการทรัพยากร และการสื่อสาร บทความนี้จะแนะนำเทคนิคการบริหารโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ    1. กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างชัดเจน  ขั้นตอนแรกในการบริหารโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ประสบความสำเร็จคือการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างชัดเจน  ซึ่งรวมถึงการระบุปัญหาที่โปรแกรมจะช่วยแก้ไข  การระบุฟีเจอร์และความสามารถที่ต้องการ  และการกำหนดขอบเขตของโครงการ  การกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการล่วงหน้า  จะช่วยให้ทุกคนในทีมทำงานไปในทิศทางเดียวกันและมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายเดียวกัน    2. พัฒนาแผนโครงการและกำหนดเส้นตาย  เมื่อกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการเรียบร้อยแล้ว  ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนาแผนโครงการและกำหนดเส้นตาย  ซึ่งรวมถึงการแบ่งโครงการออกเป็นส่วนย่อยๆ และประเมินเวลาที่ใช้ในการดำเนินงานแต่ละส่วน  แผนโครงการและกำหนดเส้นตาย  จะช่วยให้โครงการดำเนินไปตามแผน  และทุกคนในทีมทราบว่าต้องทำอะไร เมื่อไหร่    3. สร้างบทบาทและหน้าที่ที่ชัดเจน  การกำหนดบทบาทและหน้าที่ที่ชัดเจนสำหรับสมาชิกแต่ละคนในทีม  จะช่วยลดความเข้าใจผิด  และทำให้ทุกคนทราบว่าพวกเขาควรรับผิดชอบอะไร  ขั้นตอนนี้รวมถึงการระบุว่าใครจะรับผิดชอบแต่ละงาน  รวมถึงใครจะเกี่ยวข้องกับการสื่อสารและการตัดสินใจ    4. บริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ  การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จของโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์  ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการบุคลากร อุปกรณ์ ซอฟต์แวร์...
Continue Reading →
ด้วยความสามารถในการยกระดับการบริหารโครงการ เสริมสร้างการทำงานร่วมมือ และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม ทำให้ Agile Methodology (แนวทางการบริหารโครงการแบบ Agile) ได้รับความนิยมมากขึ้นในการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจ บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวทางการนำ Agile มาใช้ในการผลิตซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจ และประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับ  Agile Methodology คือแนวทางการบริหารโครงการที่เน้น การทำงานเป็นทีม (teamwork) ความคล่องตัว (adaptability) และ ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง (ongoing progress) โดยแบ่งโครงการออกเป็นย่อยที่ง่ายต่อการจัดการและสามารถดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น นำเหล่านี้มารวมกันเป็นรอบการพัฒนาสั้น ๆ ที่เรียกว่า Sprint (สปรินท์) ซึ่งแต่ละ Sprint มักจะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ จุดเด่นสำคัญของ Agile คือการนำกระบวนการพัฒนาแบบวนซ้ำ (Iterative...
Continue Reading →
12