ด้วยภารกิจประจำวันที่หลากหลายที่ผู้จัดการอาคารสถานที่ต้องดำเนินการหรือดูแล  ธุรกิจส่วนใหญ่จึงใช้เทคโนโลยีเพื่อมอบบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าหรือแขก เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ  ซอฟต์แวร์ FM  (Facility Management)  จึงมีฟังค์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น  เพื่อให้ระบบการบริหารจัดการอาคารสถานที่ของคุณทันสมัย  ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบของคุณสอดคล้องกับแนวโน้มต่อไปนี้ 

1. การบูรณาการกับระบบของบุคคลภายนอก (Third-party integrations) 

บริษัทต่างๆ กำลังมองหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการบูรณาการระบบบริหารจัดการอาคารสถานที่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง  โดยมองหาซอฟต์แวร์ที่ปรับเปลี่ยนได้  สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมดในสถานที่ทำงาน  การบูรณาการสร้างความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดทรัพยากร  เนื่องจากอนุญาตให้เพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ  โดยไม่กระทบต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานและระบบข้อมูลที่มีอยู่  นอกจากนี้ แอปพลิเคชันที่รวมเข้าด้วยกันยังช่วยลดเวลาในการฝึกอบรมพนักงานและลดการเรียนรู้ 

2. เครื่องมือสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ (Big data จาก IoT) 

การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล ช่วยให้ผู้บริหารอาคารสถานที่ตัดสินใจที่สำคัญ  บริษัทสามารถวางแผนระยะยาว  เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกติโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาระบบหยุดชะงัก  และลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ออกจากกระบวนการตัดสินใจด้วยการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์  ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี IoT สำหรับการติดตามอาคารสถานที่และปัญญาประดิษฐ์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล IoT  ผู้จัดการห่วงโซ่อุปทานสามารถรวบรวมข้อมูลประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน  การใช้ทรัพยากร  ความพึงพอใจของลูกค้า  และข้อมูลสำคัญอื่นๆ  เพื่อนำไปวิเคราะห์และได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า  ส่งผลให้กระบวนการตัดสินใจไม่ใช่การลองผิดลองถูกอีกต่อไป  แต่เป็นการตัดสินใจเชิงคำนวณ 

3. Cloud technology 

คาดว่าการประมวลผลระบบคลาวด์ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของอาคารสถานที่เฉลี่ย 40% 
แอปพลิเคชันบนคลาวด์ช่วยมอบความยืดหยุ่นมากขึ้นแก่ผู้จัดการสิ่งอำนวยความสะดวก โดยอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงาน  ติดตาม  และจัดการกระบวนการต่างๆ ขณะไม่อยู่ที่สำนักงาน  เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกอุปกรณ์  แอปพลิเคชันบนคลาวด์จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและความน่าเชื่อถือ  ลดต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการสูญหายของข้อมูลและความล้มเหลวของระบบ 
  

4. การปรับปรุงความปลอดภัย (Improved safety) 

เนื่องจากกฎระเบียบด้านการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันข้อมูลเข้มงวดขึ้น  บริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้อาจต้องโทษปรับเป็นจำนวนมาก  บริษัทต่างๆ ใช้โปรโตคอลด้านความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลอย่างแน่นหนา 

ซอฟต์แวร์บริหารจัดการอาคารสถานที่อัจฉริยะที่มีความสามารถควรประกอบด้วย: 

  • ชั้นการรับรองความถูกต้อง (Authentication layers) ที่ช่วยในการระบุตัวตนของผู้เข้าสู่ระบบ 
  • สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลที่ปรับแต่งได้ (Customizable data access permissions) ผู้จัดการสามารถอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลรายการเฉพาะได้ 
  • ระบบสำหรับการรายงานและตรวจจับปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น การบล็อกผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาต และการบันทึกรูปแบบพฤติกรรมที่น่าสงสัย 

5. การเชื่อมต่อบนมือถือ (เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา) 

การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือที่ปรับแต่งเองได้ ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาคารสถานที่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความคล่องตัวและการตอบสนอง  ความสามารถในการติดตามสถานะของการดำเนินงานที่สำคัญทั้งหมดภายในอาคารสถานที่ได้ตลอดเวลา ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการทำงาน  และช่วยให้ผู้จัดการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด 
  

ด้วยวิธีนี้ ผู้จัดการสามารถควบคุมกระบวนการสื่อสาร บริหารจัดการหลายงาน (multitasking)  และจัดการกับภารกิจที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ